“อารมณ์”

ภาษาโลก = ภาษาบัญญัติ = ภาษาปุถุชน
(อปายภูมิ)
“อารมณ์” แปลว่า สิ่งที่เข้ามากระทบเช่น วันนี้อารมณ์ดี วันนี้อารมณ์ไม่ดี วันนี้อารมณ์หงุดหงิด วันนี้อารมณ์ไม่ค่อยพอใจ
ภาษาธรรม = พุทธพจน์
(เป็นผลให้ “ผู้รู้ตาม” บรรลุพระอรหันต์ได้)
“อารมณ์” (หรือ อารมณ หรือ อาลัมพน) อารมณ์ มี ๖ ได้แก่ รูปารมณ์ สัททารมณ์ คันธารมณ์ รสารมณ์ โผฏฐัพพารมณ์ ธัมมารมณ์
อารมณ์ทำงานร่วมกับ จิต เจตสิก ฉะนั้นสิ่งทั้งหมด ทั้งที่เห็นด้วยตา และไม่เห็นด้วยตา เรียกว่า “อารมณ์” ทั้งสิ้น เช่น
เนื่องจากปากกาเป็นรูป เมื่อเรียกปากกา แม้เราไม่เห็นก็เป็น รูป + อารมณ์ = รูปารมณ์ นั่นคือ ปากกา ก็คือ รูปารมณ์ (เพราะ ปากกา เป็นรูป) เมื่อเอาชื่อของรูปนั้น (= ปากกา) ไปแทน “อารมณ์” ก็คือ ปากกา
อากาศ ก็คือ รูปารมณ์ (เพราะอากาศเป็นรูป) เมื่อเอาชื่อของรูปนั้น (= อากาศ) ไปแทน “อารมณ์” ก็คือ อากาศ
ผม ก็คือ รูปารมณ์ (เพราะ ผมเป็นรูป) เมื่อเอาชื่อของรูปนั้น (= ผม) ไปแทน “อารมณ์” ก็คือ ผม เป็นต้น
เช่นเดียวกัน “สัททารมณ์” เสียงใดใดก็ตาม ก็คือ สัททารมณ์ ฉะนั้น สัททารมณ์ ก็คือ เสียงม้า เสียงช้าง เสียงนก ฯลฯ
ถ้าเป็นการกระทบที่จิต เรียก “ธัมมารมณ์” ประกอบด้วย จิต ๑๒๑ เจตสิก ๕๒ ปสาทรูป ๕ สุขุทรูป ๑๙ บัญญัติ ๑ นิพพาน ๑
ฉะนั้น ใครมาสอบอารมณ์ อารมณ์นั้นก็คือ “ธัมมารมณ์” นั่นเอง แสดงว่า ผู้นั้นรู้ทุกอารมณ์หมดแล้วในทั้งจิต ๑๒๑ คือรู้ อกุสลอารมณ์ ๑๒ อเหตุกอารมณ์ ๑๘ มหากุสลอารมณ์ ๘ มหาวิปากอารมณ์ ๘ มหากิริยาอารมณ์ ๘ รูปาวจรมหากุสลอารมณ์ ๕ รูปาวจรมหาวิปากอารมณ์ ๕ รูปาวจรมหากิริยาอารมณ์ ๕ อรูปาวจรมหากุสลอารมณ์ ๔ อรูปาวจรมหาวิปากอารมณ์ ๔ อรูปาวจรมหากิริยาอารมณ์ ๔ โลกุตรอารมณ์ ๔๐ แสดงว่าสอบอารมณ์ถึงพระอรหันต์ ถึงนิพพาน แสดงว่า ผู้สอบอารมณ์เป็นพระอรหันต์แล้ว เป็นต้น
นอกจากธัมมารมณ์ที่กล่าวมาแล้วยังมี ปัญจารมณ์อีก ๕ เป็นต้น นั่นคือ อารมณ์ในภาษาพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ายังมีอีกมากมาย แต่ที่นี้ยกมาพอเป็นตัวอย่างว่าไม่ใช่อย่างที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ที่เอา “อารมณ์ในภาษาของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า” มาใช้เป็น “อารมณ์ในภาษาของปุถุชน” เราไปปฏิบัติด้วยเราก็กลายเป็น “ปุถุชน” เราก็เลยโชคร้าย
นั่นคือเราจะต้องสิกขาธรรมเพื่อพัฒนาจิตของเราต่อไป อารมณ์ที่เราสิกขา เช่น อารมณ์ ๖ ตามพุทธธรรมคำสอน ก็จะเข้าไปในจิตของเรา พระพุทธองค์ก็จะทรงสอนไปเรื่อยๆ ก็จะพัฒนาจิตของเราไปเรื่อยๆ (ถ้ารู้ถูกเข้าใจถูก)
ที่เรากำลังสิกขานี้ ต้องสิกขสถึง “อารมณ์” ที่เราเข้าใจ ซึ่งเป็น “อารมณ์ในภาษาปุถุชน” ทำอย่างไรจึงจะให้เป็น “อารมณ์ในภาษาพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า” เหมือนเดิม นั่นคืออารมณ์ที่เราเข้าใจผิดตามภาษาปุถุชนต้องนำกลับไปสู่ความเข้าใจถูกในหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าต่อไป